วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วิชา พุทธประวัติ

  ๑. ศากยวงศ์สืบเชื้อสายมาจากชนชาติใด ? ชนชาตินั้นมาตั้งถิ่นฐานใน
              ชมพูทวีปได้อย่างไร ?
              ๑. สืบเชื้อสายมาจากชนชาติอริยกะ ฯ ชาวอริยกะนั้นเป็นผู้เจริญด้วยความรู้
              และขนบธรรมเนียม มีอำนาจมากกว่าพวกมิลักขะเจ้าของถิ่นเดิม เมื่อ
              ข้ามภูเขาหิมาลัยมาก็รุกไล่พวกมิลักขะ เจ้าของถิ่นเดิมให้ถอยร่นลงมาทางใต้
              แล้วเข้าตั้งถิ่นฐานในชมพูทวีปแทน ฯ


๒. ภายใน ๗ วัน หลังจากสิทธัตถะราชกุมารประสูติแล้ว มีเหตุการณ์สำคัญ
              เกิดขึ้นแก่พระองค์อย่างไรบ้าง ?
              ๒. ๑. เมื่อประสูติแล้วใหม่ ๆ อสิตดาบส (หรือกาฬเทวิลดาบส) เข้าไป
                   เฝ้าเยี่ยมและทำนายพระลักษณะ
                   ๒. วันที่ ๕ พระเจ้าสุทโธทนะเชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คนมาฉันโภชนาหาร
                   และขนานพระนามพระราชกุมารว่าสิทธัตถกุมาร
                   ๓. วันที่ ๗ พระราชมารดาทิวงคต ฯ

๓. พระพุทธเจ้าเสด็จออกบรรพชา ตรัสรู้ และปรินิพพาน เมื่อมีพระชนมายุ
              เท่าไรบ้าง ?
              ๓. เสด็จออกบรรพชา เมื่อมีพระชนมายุ ๒๙ ปี
              ตรัสรู้ เมื่อมีพระชนมายุ ๓๕ ปี
              ปรินิพพาน เมื่อมีพระชนมายุ ๘๐ ปี ฯ

๔. ปัญจวัคคีย์ คือใคร ? มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าขณะที่ยังทรง
              บำเพ็ญทุกรกิริยาอย่างไร ?
              ๔. คือ นักบวชกลุ่มหนึ่ง มีทั้งหมด ๕ คน มีท่านโกณทัญญะเป็นหัวหน้า ฯ
              ได้ตามเสด็จ คอยอุปัฏฐากรับใช้อยู่ตลอดเวลา ฯ

๕. เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ ๆ พระองค์ทรงพิจารณาบุคคลผู้สามารถจะตรัสรู้
              ธรรมได้โดยเปรียบเทียบกับบัว ๓ เหล่า อย่างไรบ้าง ?
              ๕. ๑. บุคคลบางคน มีกิเลสน้อย มีอินทรีย์แก่กล้า เป็นผู้จะพึงสอน
                   ให้รู้ได้โดยง่าย อาจจะตรัสรู้ธรรมพิเศาได้โดยฉับพลัน เปรียบเหมือน
                   บัวที่ตั้งอยู่พ้นน้ำ เมื่อถูกแสงอาทิตย์ก็จักบานในวันนั้น
                   ๒. บุคคลบางคน มีกิเลสปานกลาง มีอินทรีย์ปานกลาง เป็นผู้จะพึง
                   สอนให้รู้ได้เมื่อได้รับคำแนะนำ เปรียบเหมือนบัวที่ตั้งอยู่เสมอน้ำ
                   จักบานในวันพรุ่งนี้
                   ๓. บุคคลบางคน มีกิเลสหนา มีอินทรีย์อ่อน เมื่อได้รับการสั่งสอน
                   อบรมอยู่เสมอ ๆ ก็จะสามารถบรรลุธรรมได้ เปรียบเหมือนบัวที่
                   ตั้งอยู่ในน้ำ จักบานในวันต่อ ๆ ไป ฯ
๖. คำว่า ดวงตาเห็นธรรม นั้นคือเห็นอย่างไร ? พระโมคคัลลานะและ
              พระสารีบุตรได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังธรรมจากใคร ?
              ๖. คือเห็นว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมี
              ความดับเป็นธรรมดา ฯ พระโมคคัลลานะได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟัง
              ธรรมจากพระสารีบุตร และพระสารีบุตรได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังธรรม
              จากพระอัสสชิเถระ ฯ

๗. สังเวชนียสถาน ๔ ได้แก่ที่ใดบ้าง ?
              ๗. ได้แก่ ๑. สถานที่ประสูติ                   ๒. สถานที่ตรัสรู้
                            ๓. สถานที่แสดงปฐมเทศนา    ๔. สถานที่ปรินิพพาน ฯ
๘. พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญปฏิบัติบูชายิ่งกว่าอามิสบูชา เพราะเหตุไร ?
              ๘. เพราะเมื่อพุทธบริษัทปฏิบัติธรรมได้สมควรแก่ธรรมแล้ว ก็จะเป็นปัจจัย
              ให้ตรัสรู้ธรรมได้ ทั้งเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา และเป็น
              พระพุทธประสงค์หลักในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา อีกทั้งการปฏิบัตินี้
              จะทำให้ศาสนาตั้งมั่นอยู่ได้ยืนนาน ฯ
 ๙. พุทธมามกะหรือพุทธมามิกาหมายถึงบุคคลเช่นไร ?
              ๙. หมายถึง บุคคลผู้เป็นชายหรือหญิงผู้รับนับถือพระพุทธเจ้าเป็นของตน
              เป็นการยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาประจำชีวิตของตนนั่นเอง ฯ
 ๑๐. ในการประเคนของถวายพระ มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ?
              ๑๐. จับของที่จะประเคนด้วยมือทั้งสอง ยกขึ้นให้สูงเล็กน้อยแล้วน้อมถวายพระ
              ซึ่งท่านจะยื่นเมื่อทั้งสองออกมารับ หากว่าผู้ถวายเป็นสตรี พึงวางของ
              ลงบนผ้ากราบที่พระปูไว้ข้างหน้า เสร็จแล้วพึงไหว้หรือกราบก็เป็นอัน
              เสร็จวิธีการประเคน การประเคนนี้ต้องแสดงออกด้วยความเคารพ
              ไม่ใช่เสือกไสให้ หรือทิ้งให้โดยไม่เคารพ อีกอย่าง ของที่จะประเคนนั้น
              ต้องเป็นสิ่งของที่คน ๆ เดียวพอยกได้อย่างธรรมดา ไม่ใช่ของหนักหรือ
              ใหญ่จนเกินไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น